คกก. รฟม. ต่อเวลาโปร ตั๋วเที่ยว MRT สายสีน้ำเงิน-สีม่วง ถึง 30 เม.ย. 65

คกก. รฟม. ต่อเวลาโปร ตั๋วเที่ยว MRT สายสีน้ำเงิน-สีม่วง ถึง 30 เม.ย. 65

คณะกรรมการการรถไฟฟ้าขนส่งมวลชนแห่งประเทศไทย (รฟม.) เผยมติเห็นชอบให้มีการต่อระยะเวลาโปรโมชั่น ตั๋วเที่ยว MRT สายสีน้ำเงิน-สีม่วง ไปเป็นสิ้นสุดภายในวันที่ 30 เม.ย. 2565 ตั๋วเที่ยว MRT สายสีน้ำเงิน-สีม่วง  – (28 ม.ค. 2565) นายภคพงศ์ ศิริกันทรมาศ ผู้ว่าการการรถไฟฟ้าขนส่งมวลชนแห่งประเทศไทย (รฟม.) เปิดเผยว่า ที่ประชุมคณะกรรมการ (บอร์ด) รฟม. ที่มีนายสราวุธ ทรงศิวิไล เป็นประธาน เมื่อวันที่ 16 ธ.ค. 2564 นั้น ได้มีมติเห็นชอบขยายมาตรการตั๋วเที่ยว MRT สำหรับโดยสารรถไฟฟ้ามหานครสายเฉลิมรัชมงคล (สีน้ำเงิน) และ สายฉลองรัชธรรม (สีม่วง) และตั๋วเที่ยวสำหรับโดยสารร่วม สายสีน้ำเงินและสายสีม่วงหรือ Multiline Pass : ML Pass ซึ่งจะสิ้นสุดโปรโมชั่นในวันที่ 31 มกราคม 2565 ออกไปอีก เป็นระยะเวลา 3 เดือน โดยจะสิ้นสุดวันที่ 30 เมษายน 2565

ทั้งนี้ เพื่อช่วยอำนวยความสะดวกและลดค่าใช้จ่ายสำหรับประชาชนที่ใช้บริการรถไฟฟ้า MRT เป็นประจำ 

ซึ่งนับจากที่ได้เริ่มให้บริการตั๋วเที่ยว MRT ตั้งแต่วันที่ 1 มี.ค. 2564 ดังกล่าวได้รับการตอบรับที่ดีจากผู้โดยสาร ซึ่งหลักการหากครบกำหนด แล้วผู้โดยสารยังคงตอบรับดี จะมีการพิจารณาขยายโปรโมชั่นนี้ออกไปเรื่อยๆ เพื่อช่วยลดค่าครองชีพให้ประชาชนอีกทาง

รายงานข่าวแจ้งว่า ปัจจุบัน ตั๋วเที่ยว MRT สายสีน้ำเงิน มีผู้ถือบัตรประมาณ 18% ของจำนวนผู้โดยสารทั้งหมด ขณะที่หากเปรียบเทียบกับปริมาณผู้โดยสารของทั้งสายสีน้ำเงิน สีม่วง จะมีผู้ใช้ตั๋วเที่ยว MRT อยู่ประมาณ 15%. ส่วนใหญ่เป็นผู้ใช้บริการเป็นประจำ เพราะมีค่าโดยสารเฉลี่ยที่ถูกกว่า

หลังจากที่ชาวเน็ตได้ออกมาวิพากษ์วิจารณ์ถึงเรื่อง ทางม้าลาย เพลินจิต ล่าสุดนั้น เจ้าหน้าที่ได้ลงสีและตีเส้นทางม้าลายใหม่แล้ว

จากกรณีที่ผู้ใช้เฟซบุ๊กรายหนึ่งได้โพสต์เล่าประสบการณ์เกี่ยวกับทางม้าลายที่บริเวณเพลินจิต และเธอได้เข้าบอกเจ้าหน้าที่ตำรวจเรื่องทางม้าลาย และได้รับการตอบกลับมาว่า “ตรงนี้ไม่มีนะทางม้าลาย มีที่ไหน” และ “เดินไปบอกการทางฯได้เลย พร้อมกับชี้นิ้ว นี่ป้อมผมก็ต้องขอเขาอยู่นะ” จนทำให้เกิดกระแสวิพากษ์วิจารณ์จากสังคมเป็นอย่างมากนั้น

ล่าสุด มีรายงานว่า ทางม้าลาย ได้กลับมาปรากฏชัดอีกครั้ง และ นอกจากนี้ยังพบว่าได้มีการตีเส้นทางม้าลายใหม่ให้เหมือนเดิมอีกด้วย โดยบริเวณดังกล่าวเป็นทางเข้าด่านเก็บเงินทางด่วนเพลินจิต มุ่งหน้าไป ดินแดง พระราม 9 แจ้งวัฒนะ ซึ่งตั้งอยู่บนถนนเพลินจิต ขาออก มุ่งหน้าเข้าถนนสุขุมวิท เป็นถนน 4 เลน แบ่งเป็นขาเข้า 2 เลน ขาออก 2 เลน

GISTDA เผย น้ำมันรั่ว มาบตาพุด ขยายแล้ว 47 ตร.กม.

GISTDA เปิดเผยภาพถ่ายจากดาวเทียม อัปเดตความคืบหน้าเหตุ น้ำมันรั่ว เผยขยายวงกว้างแล้ว 47 ตารางกิโลเมตร คิดเป็น 9 เท่าของเกาะเสม็ด สำนักงานพัฒนาเทคโนโลยีอวกาศและภูมิสารสนเทศ หรือ GISTDA ได้โพสต์ข้อความพร้อมภาพลงเฟซบุ๊ก เพื่ออัปเดตความคืบหน้าของเหตุการณ์น้ำมันดิบรั่วที่มาบตาพุด ที่ จ.ระยองนั้น ทาง GISTDA เผยว่าแผ่ขยายแล้วกว่า 47 ตร.กิโลเมตร

โดยข้อความเฟซบุ๊กระบุว่า “หลังท่อน้ำมันดิบใต้ทะเลบริเวณอ่าวมาบตาพุด จ.ระยอง เกิดการรั่วไหล บริเวณทุ่นผูกเรือน้ำลึกแบบทุ่นเดี่ยวกลางทะเล หรือจุดขนถ่ายน้ำมันในทะเล ซึ่งอยู่ห่างจากชายฝั่งท่าเรือมาบตาพุดไปทางทิศตะวันออกเฉียงใต้ ประมาณ 20 กิโลเมตร ส่งผลให้มีคราบน้ำมันกระจายกลางอ่าวไทย ตั้งแต่คืนวันที่ 25 มกราคม 2565 นั้น

กระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัย และนวัตกรรม โดย สำนักงานพัฒนาเทคโนโลยีอวกาศและภูมิสารสนเทศ (องค์การมหาชน) หรือ GISTDA ใช้ภาพจากดาวเทียม TerraSAR-X ถ่ายภาพเมื่อวันที่ 27 มกราคม 2565 เวลา 18.23 น. เพื่อติดตามคราบน้ำมันอย่างต่อเนื่อง ล่าสุดพบคราบน้ำมันลอยแผ่เป็นบริเวณกว้างกว่าเดิม (กรอบสีแดง) คิดเป็นพื้นที่ 47 ตารางกิโลเมตร (29,506 ไร่) หรือกว่า 9 เท่าของเกาะเสม็ด และมีทิศทางเคลื่อนที่ไปทางทิศด้านตะวันออกเฉียงเหนือ (จากจุดเดิม) ซึ่งคราบน้ำมันดังกล่าวอยู่ห่างจากชายฝั่งทะเลของอำเภอเมืองระยอง ประมาณ 6.5 กิโลเมตร และห่างจากเกาะเสม็ด ประมาณ 12 กิโลเมตร และคาดว่าคราบน้ำมันจะขึ้นฝั่งในวันศุกร์ที่ 28 มกราคม 2565 (จุดสีน้ำเงิน และสีส้ม) ซึ่งอาจส่งผลกระทบต่อพื้นที่ชายฝั่งเมืองระยอง ชายหาดแม่รำพึง และพื้นที่ชายหาดใกล้เคียง

โดยข้อมูลจากการวิเคราะห์ ทาง GISTDA จะส่งต่อให้กับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องได้นำไปใช้วางแผน ติดตาม ตรวจสอบในพื้นที่ต่อไป ทั้งนี้ การประเมินคราบน้ำมันจากภาพถ่ายดาวเทียมระบบ SAR (X-Band) เป็นการประมาณจากขอบเขตพื้นที่ ส่วนปริมาตรของน้ำมัน (ความหนาของชั้นน้ำมัน: Oil Thickness) อาจต้องใช้ข้อมูลจากการเก็บข้อมูลในพื้นที่จริง

ปัญหาภัยพิบัติและมลพิษทางทะเล ส่งผลกระทบอย่างใหญ่หลวงให้กับทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมของประเทศมาโดยตลอด ดังนั้น ในอนาคตอันใกล้นี้ ประเทศไทยกำลังจะได้ใช้ระบบ THEOS-2 อย่างเต็มรูปแบบ ซึ่ง 1 ในภารกิจสำคัญของระบบนี้ คือการสำรวจ วิเคราะห์ และติดตามสถานการณ์ภัยพิบัติที่เกิดขึ้นหรือคาดว่าจะเกิดขึ้น ได้อย่างทันท่วงทีและแม่นยำ เพื่อการสนับสนุนข้อมูลสำคัญให้กับทุกหน่วยงานที่เกี่ยวข้องได้นำข้อมูลไปใช้วางแผน ป้องกัน บรรเทา และแก้ไขปัญหาได้ตรงจุดมากยิ่งขึ้น”

Credit : parafiabeszowa.net pillspin.com propeciaordergeneric.net railfoto.net renaissanceblogger.org revuededroithenricapitant.org roswalien.net rothyoungmilwaukee.com rpicard.net rusthaitrade.com